วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

                การจัดการความรู้(Knowledge Management: KM)

การจัดการความรู้ (Knowledge Management: KM) เป็นเครื่องมือที่จะนำองค์กรไป
                     สู่การเป็น องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization: LO) โดยมีจุดประสงค์ คือ การพัฒนาบุคลากรและ พัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ดังนั้นกระบวนการแลกเปลี่ยนความรู้ในรูปแบบต่างๆ ในองค์กรจึงมีความสำคัญซึ่งจะนำไปสู่การเรียนรู้ทั่วทั้งองค์กร คนเก่งขึ้น งานดีขึ้น ส่งผลต่อการปฏิบัติงานของ
องค์กรให้มีประสิทธิผลและมีสมรรถนะสูงขึ้น
การจัดการความรู้เริ่มต้นกันอย่างไร
                        การที่องค์กรจะติดตั้งระบบหรือดำเนินงานจัดการความรู้นั้น เริ่มต้นจากการกำหนดวิสัยทัศน์ความรู้ขององค์กรก่อนว่าต้องการให้การขับเคลื่อนงานของหน่วยงานเป็นไปในทิศทางใด
(มักกำหนดวิสัยทัศน์ความรู้จากยุทธศาสตร์องค์กร) ดำเนินการสร้างและพัฒนาทีมงานจัดการความรู้รวมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการ  วางระบบการสื่อสารความรู้ไปสู่ผู้ปฏิบัติและผู้เกี่ยวข้อง นำไปสู่การพัฒนา
งานให้เกิดประสิทธิภาพและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
ความรู้คืออะไร?
                 ความรู้ในความหมายของการจัดการความรู้ คือ ความรู้ของบุคลากร(เทคนิค/วิธีปฏิบัติ/กลเม็ด เคล็ดลับ/ข้อควรคำนึง)ในองค์กรที่เกี่ยวกับลูกค้า  กระบวนการ ความสำเร็จ อุปสรรคขององค์กรที่ต้องมาจัดเก็บให้เป็นระบบและเผยแพร่ให้คนทำงานแบบเดียวกันได้เรียนรู้ด้วย
                          การจัดการความรู้เป็นกระบวนการ (Process) ที่ดำเนินการร่วมกันโดยผู้ปฏิบัติงานใน   องค์กรหรือหน่วยงานย่อยขององค์กร เพื่อสร้างและใช้ความรู้ในการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ดีขึ้นกว่าเดิม
                     การจัดการความรู้ในความหมายนี้จึงเป็นกิจกรรมของผู้ปฏิบัติงานม่ใช่กิจกรรมของนักวิชาการหรือนักทฤษฎีแต่นักวิชาการหรือนักทฤษฎีอาจเป็นประโยชน์ในฐานะแหล่งความรู้ (Resource person) หรือผู้อำนวยความสะดวกในการจัดการความรู้
                          การจัดการความรู้เป็นกระบวนการที่เป็นวงจรต่อเนื่องเกิดการพัฒนางานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เป้าหมายคือ การพัฒนางานและพัฒนาคน โดยมีความรู้เป็นเครื่องมือ มีกระบวนการจัดการความรู้เป็นเครื่องมือ




วงจรความรู้(Knowledge Spiral: SECI) เป็นอย่างไร?
1. Socialization คือการแบ่งปันความรู้ และสร้างความรู้ จากความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคน (Tacit Knowledge) ไปสู่คน (Tacit Knowledge) โดยการแลกเปลี่ยนประสบการณ์โดยตรงของผู้ที่สื่อสารระหว่างกัน
·       การพูดคุยระหว่างกันอย่างไม่เป็นทางการ
·       การประชุมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์
·       วิธีแก้ปัญหาในงาน
·       การสอนงานระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง
2. Externalization คือการดึงความรู้จากความรู้ที่ฝังอยู่ในตัวคนออกมาเป็นความรู้ที่ชัดแจ้ง ดึงความรู้จากภายในตัวคนถ่ายทอดออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ตำรา คู่มือ ปฏิบัติงาน เป็นต้น
3. Combination เป็นการรวบรวมความรู้ที่ได้จากหนังสือ ตำรา มาสร้างเป็นความรู้    ประเภท Explicit Knowledge ใหม่ ๆ
4. Internalization เป็นการนำความรู้จาก Explicit Knowledge กลับเข้าไปเป็นความรู้    Tacit Knowledge คือการนำความรู้ที่เรียนรู้มาไปปฏิบัติจริง เช่น หัวหน้างานเขียนคู่มือการปฏิบัติงาน (เป็น Explicit) เมื่อลูกน้องอ่านแล้วสามารถทำงานได้ จะเกิดเป็นความรู้ประสบการณ์อยู่ในตัวลูกน้อง

ความรู้ 5 กลุ่ม

David Snowden แห่งศูนย์พัฒนาศาสตร์ด้านการจัดการความรู้ชื่อ Cynefin Centre (Cynefin
อ่านว่า คูเนฟวิน) ของบริษัทไอ บี เอ็ม ได้เสนอให้จำแนกความรู้ออกเป็น 5 กลุ่มคือ
·       Artifact  หมายถึง วัตถุซึ่งห่อหุ้มความรู้หรือเทคโนโลยีไว้  หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความรู้ฝังอยู่ภายใน
·       Skills  หมายถึง ทักษะในการปฏิบัติงานหรือกระทำกิจการต่าง ๆ อันเป็นผลจากการได้ฝึกทำหรือทำงานจนเกิดเป็นทักษะ
·       Heuristics หมายถึง กฎแห่งสามัญสำนึก หรือเหตุผลพื้น ๆ ทั่ว ๆ ไป
·       Experience  หมายถึง ประสบการณ์จากการได้ผ่านงานหรือกิจการเช่นนั้นมาก่อน
·       Talent หรือ Natural  talent  หมายถึง พรสวรรค์ อันเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่มีมาแต่กำเนิด

ความรู้มีกี่ประเภท?

         ความรู้มี 2 ประเภท คือ

 1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาติ ญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม

2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธี ต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม

กระบวนการจัดการความรู้ มีขั้นตอนอย่างไร?
           1.การบ่งชี้ความรู้ (Knowledge Identification) บุคคลควรต้องรู้ว่าต้องการความรู้อะไรในการทำงาน และต้องดูว่าเรามีความรู้นั้นแล้วหรือยัง ควรมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ 
           2.การสร้างและการแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation and Acquisition) บุคคลและองค์กรต้องพยายามหาความรู้ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปทั้งภายในและภายนอกองค์กรมาจัดระบบเพื่อการเรียนรู้
           3. การจัดเก็บความรู้ให้เป็นระบบ (Knowledge own ledge Organization) เป็นการแบ่งชนิดและประเภทของความรู้ จัดทำระบบให้ง่ายและสะดวกต่อการค้นหาและใช้งาน
           4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification and Refinement) เป็นการจัดทำรูปแบบและภาษาให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร มีการเรียบเรียงปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและตรงความต้องการ 
           5. การเข้าถึงความรู้ (Knowledge Access) ความสามารถในการเข้าถึงความรู้อย่างรวดเร็ว ในเวลาที่ต้องการ
           6. การแบ่งปันความรู้ (Knowledge Sharing) การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดทำเอกสาร การจัดทำฐานความรู้ ชุมชนนักปฏิบัติ 
           7. การเรียนรู้ (Learning) เป็นการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจ การแก้ปัญหาและปรับปรุงองค์กรช่วยให้องค์กรดีขึ้น



2 ความคิดเห็น: